บางคนที่เพิ่งขี่จักรยานจะงงว่ามันคืออะไร จำเป็นหรือไม่ ตอนผมหัดขี่จักรยานใหม่ๆจะพบว่าเป็นเรื่องที่ไกลตัวมาก กับ power meter หรือบางคนเรียกว่า Watt meter รู้อย่างเดียวคือแพงมาก

Beginner
คนที่ขี่จักรยานใหม่ๆ มักจะอวดกันว่า AV (average velocity) เท่าไหร่ถึงขั้นคุยอวดกันในหมู่เพื่อน แต่ความเร็วนั้นมีปัจจัยมากมายที่เกี่ยวข้อง เช่นลมในวันนั้น จักรยาน น้ำหนักรวมทั้งคนขี่และท่านั่งในการปั่น
ตอนแรกที่ผมฝึกซ้อมเพื่อจะให้ปั่นดีขึ้น ได้เห็นคนอื่นปั่นกัน AV36 ยังคุยกับแฟนเลยว่าพวกนี้เป็นพวกคนพิเศษเราซ้อมยังไงก็ไม่ได้หรอก พวกนี้มันต้องเป็นนักกีฬาตั้งแต่เด็ก
จากนั้นก็พยายามซ้อมก็เหมือนนักปั่นใหม่ๆคือพยายาม เพิ่มความเร็วจากนั้นก็หมดแรงจนต้องฟรีขา หรือบางคนแนะนำให้ปั่นโดยคุมการเต้นของหัวใจแต่เท่าที่พยายามซ้อมดูก็ไม่ก้าวหน้าไปอย่าที่คาดหวังครับ
ผลจาก strava เมื่อสองปีที่แล้วเห็นแล้วตลกดีครับ ปั่นอัด ไปที่ 40 แล้วก็หมดแรง สรุปได้ ความเร็วเฉลี่ย (Average velocity, AV) 25 ตอนนนั้นเราก็คิดในใจว่าเร็วแล้วนะ เหนื่อยมากแล้วนะ จากนั้นผมก็ซ้อมแบบนี้ตลอดพัฒนาการน้อยมากๆ
Practical
ในแต่ละวันเราก็จะปั่นได้ AV ไม่เท่ากันเนื่องจากมีปัจจัยอื่นๆ เช่นลม ความชัน
หรือถ้าพยายามจะให้เท่ากันก็จะเหนื่อยไม่เท่ากัน
บางครั้งเราปั่นใช้แรงมากเกินไปในตอนแรกของการปั่นจนทำให้ปั่นต่อไม่ไหวเช่นเป็นตะคริวสู้ค่อยๆปั่นไปจะได้ AV รวมที่เยอะกว่า การควบคุมพลังงานจึงมีความสำคัญมาก
โดยเฉพาะการซ้อมควรปั่นให้ได้พลังงานที่เหมาะสมคือไม่มากเกินไป ไม่น้อยจนเกินไปควรเป็นพลังงานที่ปั่นได้อย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง (Functional Threshold Power, FTP)
ดังนั้นการวัดพลังงานในการปั่นจึงมีความสำคัญมาก
ตัวอย่างเป็นที่ผมปั่นขึ้นเขื่อนขุนด่านผมรู้ว่าค่า FTP ผมมีค่าประมาณ 200 เราจะปั่นขึ้นในระยะทางประมาณ 1.4 km คิดว่าจะคุมพลังงานประมาณ 240 watt จากนั้นก็ปั่นตามแผนครับทำ ผมสามารถปั่นจบได้สบายๆ โดยที่ไม่เหนื่อยมากนัก สามารถมีแรงไปยืนโยกได้ในเนินสุดท้าย ซึ่งต่างจากเพื่อนที่ปั่นด้วยกันโยกก่อนเลยที่เนินแรกบอกว่าการเต้นของหัวใจไม่สูงแต่ใช้พลังงานไปมาก สุดท้ายก็ไม่ไหวไปช้าในตอนท้ายครับ
การซ้อม
ขั้นแรกเราต้องหาค่าพลังงานที่เราสามารถปั่นได้ใน 1 ชั่วโมง (Functional Thredhold Power, FTP)ให้ได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งต้องมีการทดสอบ จากนั้นในการซ้อมให้ใช้ค่าพลังงานเท่านี้ในการฝึกซ้อมครับ อาจจะลดลงเล็กน้อยจากค่า FTP จะทำให้มีการพํฒนาอย่างรวดเร็วทั้งทางด้านหัวใจแล้วกล้ามเนื้อขา


จากรูปจะเป็นผลจากการปั่น Sky Lane ของผมสามรอบ จะสามารถหาได้ว่า 1 ชม. เราสามารถ ให้พลังงานได้เท่าไหร่ อย่างในรูปคือประมาณ 190 เราสามารถใช้ค่านี้ในการฝึกซ้อมได้ครับ เวลาปั่นเข้ากลุ่มก็สบายๆ สามารถคุมพลังงานได้ เวลาเป็นหัวลากทำให้เรารู้ได้ว่าพลังงานขนาดนี้เราปั่นได้นานแค่ไหนครับ หรือจะปั่นแบบ time trial ทำให้บริหารพลังงานได้ดี มีแรงเหลือไปวิ่งต่อในไตรกีฬา
ตอนนี้มันเป็นสิ่งที่ผมขาดไม่ได้ทุกครั้งของการปั่นจักรยานวันไหนแบตหมดเรียกว่าปั่นไม่ถูกเลยครับ
ข้อดี
- ควบคุมการปั่นได้ดี
- ซ้อมได้อย่ามีประสิทธิภาพ
ข้อเสีย
ข้อเสียมีข้อเดียวจริงๆ
ตอบลบ